วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561



บันทึกการเรียนครั้งที่ 16

 วันพุธ ที่ 25 เมษายน 2561




🙆 นำเสนอคำคมผู้บริหาร







นำเสนอ Model โรงเรียน


โรงเรียน จันทร์เจ้า






โรงเรียนอนุบาลพอเพียง





การประเมิน 

ประเมินตนเอง 

มาตรงเวลา ตั้งใจเรียน

ประเมินเพื่อน
เพื่อนมีตั้งใจฟังการสอน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา สอนเข้าใจได้ง่าย แต่งตัวสุภาพ





บันทึกการเรียนครั้งที่ 15

 วันพุธ ที่ 18 เมษายน 2561





🙆 นำเสนอคำคมผู้บริหาร





การประเมิน 

ประเมินตนเอง 

ตั้งใจเรียน ฟังการนำเสนองานของเพื่อน

ประเมินเพื่อน
เพื่อนมีตั้งใจฟังการสอน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา สอนเข้าใจได้ง่าย แต่งตัวสุภาพ





บันทึกการเรียนครั้งที่ 14

วันพุธ ที่ 11 เมษายน 2561




✱✱✱ หยุดสงกรานต์ ✱✱✱


บันทึกการเรียนครั้งที่ 13

 วันพุธ ที่ 4 เมษายน 2561





🙆 นำเสนอคำคมผู้บริหาร







กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

- ความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านวิชาการในการปฏิรูปการเรียนรู้นั้น ทุกคน ทุกฝ่ายนับเป็นองค์  ประกอบสำคัญ การเป็นเพื่อนร่วมทางที่จะเดินไป
ด้วยกัน อย่างไว้ใจและเชื่อว่าจะชี้แนะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ให้ก้าวไปในทางที่ถูกต้องด้วยน้ำใจมิใช่อำนาจ คือ หนทางแห่งกัลยาณมิตร นักวิชาการ
นิเทศ ได้กล่าวเกี่ยวกับการนิเทศที่คำนึงถึงฐานวัฒนธรรมไทยว่า 
- ความเป็นกัลยาณมิตรเป็นกุญแจทองที่จะไขเปิดประตูแห่งความเป็นมิตร 
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน ยังเป็นคุณสมบัติที่คนไทยทุกคนยอมรับ 
- ความจริงใจเป็นเครื่องหล่อลื่นสัมพันธภาพ 
- ความมีน้ำใจ เป็นหยดทิพย์ที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่นบาน 
- การใช้คำพูดที่สุภาพ จริงใจสม่ำเสมอเป็นเครื่องส่งเสริมความรู้สึกที่ดีต่อกัน

กัลยาณมิตร ๗ ประการในการนิเทศ

1. ปิโย - น่ารัก สบายใจ สนิทสนม ชวนให้อยากปรึกษา 
2. ครุ - น่าเคารพ ประพฤติสมควรแก่ฐานะ อบอุ่น เป็นที่พึ่งปลอดภัย 
3. ภาวนีโย - น่ายกย่อง / ทรงคุณความรู้ /ภูมิปัญญาแท้จริง และหมั่นปรับปรุงตนอยู่เสมอ 
4. อตตา จ - รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าควรพูดอะไร อย่างไร เป็นที่ปรึกษาที่ดี 
5. วจนก ขโม - อดทนต่อถ้อยคำ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษา / คำถามคำวิพากษ์วิจารณ์ 
6. คมภีรญจ กถ กตตา - แถลงเรื่องลึกล้ำได้ อธิบายเรื่องที่ยากให้ง่ายได้ 
7. โน จฏฐาเน นิโยชเน - ไม่แนะนำเรื่องเหลวไหล แนะไปในทางเสื่อม

บทบาทของผู้บริหารในการนิเทศ

    - กระบวนกัลยาณมิตร เป็นการปฏิบัติจริงในสภาพที่เป็นจริง ผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศต้องมีการปรึกษาหารือ ติดต่อสื่อสาร เยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยแก้ปัญหาและให้กำลังใจกัน
    - ถ้าจะเปรียบผู้นิเทศก็เป็นเหมือนครูฝึก ( coach ) ของผู้สอน ที่จะต้องโดดลงไปร่วมคิดร่วมทำ มิใช่เพียงร้องบอกให้ผู้สอนลองผิด ลองถูก ตามยถากรรม อาจต้องบอกวิธีให้รู้ สาธิตให้ดุ และช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่พบ
    - การพบปะสนทนาเมื่อเวลานิเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ กรรมการศึกษา ชุมชนรอบๆสถานศึกษา จะได้ทราบทุกข์ สุข และก่อให้เกิดความเข้าใจในปัญหาพื้นฐาน เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายในการทำงานต่อไป


 “ คลินิกครู ” อาจมีลักษณะเป็นรายบุคคล เป็นคู่ หรือเป็นกลุ่มย่อย
ตามความสมัครใจ ครูที่เข้าพบเป็นผู้เปิดประเด็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มุ่งสนับสนุนในการพัฒนาบุคลากรในโรงเรียนโดยผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยมีโครงการร่วมคิดร่วมทำ เพื่อปรับปรุงพัฒนา ซึ่งผู้บริหารอาจจัดระบบนิเทศ เป็น 3 ลักษณะ คือ 
1.นิเทศการจัดบรรยากาศห้องเรียน
2.นิเทศการจัดการเรียนการสอน 
3.การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันของครู

แนวทางการนิเทศ

1. สร้างความสัมพันธ์ แจ้งภารกิจและความมุ่งหมาย จัดเวลา กำหนดวิธีการทำงาน
2. จัดนิทรรศการทางวิชาการและสาธิตรูปแบบการสอน
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จัดบริการเอกสารทางวิชาการ
4. วางแผนร่วมกัน เพื่อศึกษาดูงาน
5. แนะให้ปฏิบัติตามสภาพจริง
6. พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผลการปฏิบัติ และหาทางแก้ไขปรับปรุง
7. เข้าร่วมประชุม สัมมนา การฝึกอบรมตามโอกาส
8. นำเสนอผลงานในการประชุมปฏิบัติการ
9. วัดและประเมินผลงานกัลยาณมิตรนิทศ



การประเมิน 

ประเมินตนเอง 

มาตรงเวลา ตั้งใจเรียน

ประเมินเพื่อน
เพื่อนมีตั้งใจฟังการสอน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา สอนเข้าใจได้ง่าย แต่งตัวสุภาพ








บันทึกการเรียนครั้งที่ 12

 วันพุธ ที่ 29 - 30 มีนาคม 2561




🐤 ศึกษาดูงาน ณ  ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา


Click

ประวัติศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา

     สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานครได้จัดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำชุมชนวัดอมรทายิการามขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขได้สำรวจปัญหาในชุมชนพบว่า มีปัญหา 2 ประการ คือ 
↪ปัญหายาเสพติด  
↪ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก  
         กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขจึงตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาสุขภาพเด็กโดยจัดตั้ง ศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาโดยขอความอนุเคราะห์เรื่องสถานที่จากท่านพระครูวิบูลธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดอมรทายิการาม  เริ่มแรกท่านให้ใช้กุฏิเก่าของท่านมีจำนวนเด็ก 40-50 คน มีอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก 4 คน ต่อมากุฏิเก่าเริ่มชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถซ่อมแซมได้ ท่านเจ้าอาวาสจึงอนุญาตให้สร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารชั้นเดียวโดยมีคณะสงฆ์ ครูและผู้ปกครองร่วมกันก่อสร้าง ได้รับการสนับสนุนทุนสร้างจากสำนักงานเขตบางกอกน้อย ผู้ปกครองนักเรียน คณะครู และได้เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษา” เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่  11 ตุลาคม  พ.ศ. 2527 ในปี พ.ศ.2530 ได้เปิดอย่างเป็นทางการ สภาสตรีแห่งชาติและสภาสังคมสงเคราะห์ได้ส่งอาสาสมัครเข้ารับการอบรมเสริมทักษะด้านการเลี้ยงดูเด็ก และอาหารเสริม  ต่อมา ได้เข้าสังกัด กองสังคมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร ได้รับค่าตอบแทนวันละ 40 บาท อาสาสมัครจำนวน 4 คน ในปี พ.ศ.2536 กองพัฒนาชุมชนได้รับช่วงต่อมา  ให้การสนับสนุนโดยขึ้นค่าตอบแทน  80บาทต่อวัน  ทำงานและส่งเสริมพัฒนาอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก ในเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กแรกเริ่มอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กมีวุฒิการศึกษา ปวช., ม.6, ม.3 เข้ามาทำงานด้วยใจรักเด็ก ไม่หวังค่าตอบแทน  ต่อมาได้ศึกษาต่อด้วยทุนตนเอง จนจบอนุปริญญา และปริญญาตรี เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองและนำความรู้ใหม่ ๆ มาสอนเด็ก ส่วนพวกไม่มีทุนเรียนจะได้รับการอบรมในองค์กรต่างๆ  จากนั้นสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ได้สนับสนุนค่าตอบแทน เพิ่มเป็น 5,640 บาทและทำประกันสังคมให้ ปัจจุบันมีนักเรียนอายุ  2 – 6 ปี  จำนวน 400-500 คน มีอาสาสมัครดูแลเด็กจำนวน  35 คน ได้สร้างอาคารเรียนเพิ่มเป็นอาคารเรียนเป็น 3 ชั้น  และใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546  จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้มีพัฒนาการครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนการสอน ด้านสภาพแวดล้อมให้เจริญตามลำดับมีอาสาสมัครชาวต่างชาติจาก หน่วยงานCross-Cultural Solutions (CCS) องค์กรอาสาสมัครนานาชาติ จดทะเบียนที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดส่งอาสาสมัครชาวต่างชาติมาช่วยสอนภาษาอังกฤษ ทำให้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนพิทักษาเป็นที่รู้จักและทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง  







🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼  การประเมิน  🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

ประเมินตนเอง 


มาตรงเวลา ตั้งใจฟังคำบรรยาย

ประเมินเพื่อน
เพื่อนมาตรงเวลา ตั้งใจคำคำบรรยาย

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา  แต่งตัวสุภาพ







บันทึกการเรียนครั้งที่ 11

 วันพุธ ที่ 28 มีนาคม 2561



🙆 นำเสนอคำคมผู้บริหาร






นำเสนอชื่อภาษาอังกฤษ โดยนำอักษรแต่ละตัวมาแปลเป็น

ความหมายในชื่อของตนเอง



☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘

การประเมิน 

ประเมินตนเอง 

มาตรงเวลา ตั้งใจเรียน

ประเมินเพื่อน
เพื่อนมีตั้งใจฟังการสอน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา สอนเข้าใจได้ง่าย แต่งตัวสุภาพ





บันทึกการเรียนครั้งที่ 10

 วันพุธ ที่ 21 มีนาคม 2561




🙆 นำเสนอคำคมผู้บริหาร






เทคนิคการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีสำหรับการเป็นผู้บริหาร

ความหมายของบุคลิกภาพ 
ลักษณะทั้งภายนอกและภายในที่รวมอยู่ในตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งและเป็นผลทำให้บุคคลนั้น มีความแตกต่างไปจากบุคคลอื่นๆ บุคลิกภาพแบ่งออกเป็น 2 สภาพ ด้วยกันคือ

⌕ บุคลิกภาพภายนอก สามารถสังเกตเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้โดยการฝึกเลียนแบบ และสามารถวัดผลได้ทันที บุคลิกภาพภายนอกที่สำคัญที่สุด คือ บุคลิกภาพทางกายและวาจา
  บุคลิกภาพภายใน  บุคลิกภาพที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป็นส่วนที่สัมผัสได้ค่อนข้างยากและต้องใช้เวลาในการสัมผัส


ประเภทของบุคลิกภาพ

บุคลิกภาพภายนอก คือ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกของแต่ละคนสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แบ่งได้เป็น 4 หมวด คือ
1. รูปร่างหน้าตา
2. การแต่งกาย
3. กิริยาท่าทาง
4. การพูด


บุคลิกภาพภายใน คือ สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ หรืออุปนิสัยใจคอที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แก้ไขได้ยาก เช่น
1. ความเชื่อมั่นในตนเอง 
2. ความกระตือรือร้น
3. ความรอบรู้ 
4. ความคิดริเริ่ม
5. ความจริงใจ 
6. ไหวพริบปฏิภาณ
7. ความรับผิดชอบ 
8. ความจำ
9. อารมณ์ขัน

แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ

- การรักษาสุขภาพอนามัย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มหรือลดผิดปกติ
- ละเว้นการสูบบุหรี่หรือยาเสพติดให้โทษทุกชนิด
- ไม่ดื่มสิ่งของที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ วันละ 7-8 ชม.
- รักษาอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ


การดูแลร่างกาย

- รักษาความสะอาดในช่องปากและฟัน
- ดูแลรักษาเส้นผมและทรงผมให้เรียบร้อยทั้งด้านความสะอาดและรูปทรง
- โกนหนวดเคราให้เกลี้ยงเกลา ตัดและขริบให้เรียบร้อย
- รักษาผิวพรรณให้สะอาดสดชื่นอยู่เสมอ อย่าให้ผิวแห้งกร้าน
- รักษากลิ่นตัว 
- รู้จักการแต่งหน้าแต่พองาม
- ดูแลเล็บมือ เล็บเท้า ให้สะอาดอยู่เสมอ
- ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและชุดชั้นในที่สวมใส่ทุกวัน
- ควรมีการเช็คร่างกายเป็นประจำทุกปี
- เมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติรีบไปปรึกษาแพทย์ 

การแต่งกาย

- สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ซักรีดให้เรียบ
- สีสันไม่ฉูดฉาดควรเลือกสีให้เหมาะสมกับรูปร่างและผิวพรรณของตนเอง
- กระเป๋าถือและรองเท้า ควรใช้หนังที่มีคุณภาพดี สีเรียบ สำรวจส้นรองเท้าจัดการซ่อมแซมให้เรียบร้อย
- แต่งหน้าให้แนบเนียน ไม่แต่งเข้มผิดธรรมชาติ เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพดี
- เล็บและการทาเล็บ ไม่ควรไว้เล็บยาวจนเกินไป ควรเลือกสีกลาง ๆ อย่าปล่อยให้สีถลอกจะไม่น่าดู
- ผม หมั่นสระให้สะอาด อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แปรงหวีให้เรียบร้อย เลือกทรงผมที่รับกับใบหน้า
- เครื่องประดับ ควรใช้เพื่อเสริมการแต่งกายให้ดูดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้เครื่องประดับมากจนเกินไปจนดูสะดุดตารกรุงรังไปหมด
- ควรแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม
- ควรแต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ

อารมณ์

รู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ปล่อยอารมณ์ไปตามใจตนเอง คนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้จะได้เปรียบ และจะเอาชนะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้

การพัฒนาบุคลิกภาพด้านการเรียนรู้

ในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นครูจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ให้ตรงกับตนเองอยู่เสมอ เช่น
1. การฟัง
2. การอ่าน
3. การเขียน
4. การสังเกต
5. การคิด
6. การทดลอง


ประเมินผล

ประเมินตนเอง 

ตั้งใจเรียน ไม่เข้าใจอะไรยกมือถามอาจารย์

ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆ ตั้งใจเรียนที่อาจารย์สอน และจดบันทึกการเรียน

ประเมินอาจารย์
อาจารย์ตรงต่อเวลา สอนเข้าใจได้ง่าย บรรยากาศในห้องเรียนผ่อนคลาย สนุกสนาน